วันที่นำเข้าข้อมูล 14 ก.ย. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 23 ส.ค. 2565
งานนิติกรณ์
1. การรับรองเอกสาร (เจ้าของเอกสารมารับรองเอกสารด้วยตนเอง)
คนไทย: ต้องแสดงบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางต่อเจ้าหน้าที่
คนต่างชาติ: ขอให้แสดงหนังสือเดินทางและเอกสารการพำนักอาศัยอยู่ในยูเออี
2. การรับรองเอกสาร (ในกรณีที่ไม่ใช่เจ้าของเอกสาร)
- จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของเอกสาร พร้อมสำเนาบัตรประชาชน/สำเนาหนังสือเดินทางของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
* เอกสารที่จะรับรองจะต้องมีต้นฉบับมาแสดงด้วยเสมอ
3. การรับรองเอกสารภาษาไทยที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในประเทศที่พำนักอยู่
- ผู้ร้องสามารถติดต่อบริษัทเอกชนในการแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาท้องถิ่น โดยภายหลังการแปล สถานเอกอัครราชทูตฯ จะดำเนินการรับรองเอกสาร และผู้ร้องจะต้องนำเอกสารดังกล่าวไปรับรองที่กระทรวงการต่างประเทศของยูเออี เพื่อนำไปใช้ในประเทศดังกล่าวต่อไป
4. การรับรองเอกสารที่ออกโดยหน่วยราชการในประเทศไทยไปใช้ในประเทศมุสลิม
1. ต้องนำเอกสารภาษาไทยไปแปลเป็นภาษาอาหรับและรับรองที่สำนักจุฬาราชมนตรี ตั้งอยู่ที่ 24 หมู่ 12 ถนนมิตรไมตรี
แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ โทร. 988-1656
2. นำเอกสารที่สำนักจุฬาราชมนตรีรับรองแล้วไปทำการรับรองที่กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ ถนนแจ้งวัฒนะ
3. นำเอกสารไปทำการรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศก่อนที่จะนำไปใช้
4. ทั้งนี้ ในบางกรณี อาจจำต้องนำไปให้กระทรวงการต่างประเทศนั้นๆ รับรองลายมือชื่อเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตก่อน จึงจะใช้เป็นหลักฐานยื่นต่อหน่วยงานต่างๆ ของประเทศนั้นได้้
* หากเป็นเอกสารที่จะใช้ในศาลต้องนำเอกสารนั้นไปรับรองที่กระทรวงยุติธรรมอีกครั้งหนึ่งถึงจะใช้ได้ตามกฏหมาย
การรับรองสำเนาถูกต้อง (เฉพาะคนไทย)
- นำต้นฉบับของเอกสารภาษาไทยไปแสดงที่สถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมถ่ายสำเนา 1 ชุด เพื่อรับรอง
หนังสือมอบอำนาจ
ผู้มอบอำนาจต้องมาลงนามต่อหน้าที่เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมเอกสารประกอบ คือ
- สำเนาบัตรประชาชน/สำเนาหนังสือเดินทาง
- เอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ที่จะมอบอำนาจให้ (บัตรประชาชน เอกสารยืนยันตัวบุคคล)
- กรณีเป็นชาวต่างชาติ จะต้องให้บุคคลดังกล่าวยื่นขอรับรองลายมือชื่อตนเองจากสถานเอกอัครราชทูตของประเทศตนเองพร้อมตราประทับเจ้าหน้าที่กงสุล พร้อมกับนำเอกสารไปยังกระทรวงการต่างประเทศยูเออีเพื่อรับรองเอกสาร และจึงจะนำมาใช้กับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบี ได้